เหลือเชื่อ ! แต่จริง........... ปัญหาเหงือก และ ฟัน (ปวดฟัน หินปูน รำมะนาด เหงือกบวม กลิ่นปากตอนเช้า) ของท่านจะหมดไป
เพียงท่าน สปาช่องปาก ( อมๆ บ้วนๆ ) ด้วยน้ำผลไม้ 2 อย่างของเรา 2-3วัน/ครั้ง ซึ่งสะอาดกว่าการแปรงฟันมากๆอีกด้วย
หากปัญหาช่องปาก และ เหงือก ใดๆ ที่ท่านอาจมีอยู่ก่อนหน้า ไม่หายไปเองภายใน 3-7 วันหรือมีปัญหาที่ต้องไปหาหมอฟันอีก เรายินดีคืนเงินค่าผลิตภัณฑ์ที่จ่ายไปแล้วโดยไม่มีข้อแม้
ทำไมถึงเลือกใช้สปาปาก
- สปาปากเหมาะกับทุกวัย 2-3 วันทำสปาปากครั้งเดียว ใช้ป้องกัน กลิ่นปาก โรคเหงือก และฟันสปาปากแทน
- การแปรงฟัน สำหรับ นักเดินทาง หรือ ผู้ป่วย เพราะใช้ง่ายมาก และรสชาติดีมาก
- ใช้การสปาปาก รักษา โรคเหงือก ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องรีบไปหาหมอฟัน
- ใช้สปาปาก ในการรักษา โรคหินปูน และ เหงือกร่น
สปาปาก ประกอบด้วย 2 ตัว เป็นสมุนไพร ที่ค่อยๆชะล้างปากด้วยความอ่อนโยน ค่อยๆล้างคราบอาหาร และ ตัวแบคทีเรียตัวร้ายออกจากช่องปาก สปาปากไม่มีพิษ สามารถกลืนลงท้องได้ ไม่เหมือนกับ น้ำยาบ้วนปากทั่วไป ที่เป็นตัวเดี่ยวๆ เขาจะใส่สารเคมี คือ คลอเฮกซาดีน ที่จะกัดๆทุกอย่างในช่องปาก ไม่ว่าจะกะพุงแก้ม เหงือก ลิ้น และกัดตัวแบคทีเรีย ดังนั้น น้ำยาบ้วนปากจึงรักษาโรคฟัน และโรคเหงือกไม่ได้เลย เพราะกัดพังไปทุกอย่าง ทั้งน้ำยาบ้วนปากเขาห้ามกลืนลงท้อง น้ำยาบ้วนปากจึงเหมาะกับแค่ผู้ใหญ่ที่มีช่องปากแข็งแรงอยู่แล้วเท่านั้น มันจะกัดฆ่าแบคทีเรียตัวร้ายให้เขาไม่มีกลิ่นปากไปเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น แต่สปาปาก ใช้ได้กับคนทุกๆวัย ทั้งยังรักษาคนที่เป็นโรคฟันและโรคเหงือกได้ และปกป้องเขาไม่ให้เป็นโรคฟัน และโรคเหงือก หรือมีกลิ่นปากอีกต่อไป
สปาปากไม่มีพิษ สามารถกลืนลงท้องได้ น้ำยาทั้ง 2 ตัว ไม่มีอันตราย คนที่สปาปาก จะไม่มีอาการเจ็บคอ หรือท้องร่วง เพราะจะไม่มีแบคทีเรียตัวร้ายจากปากลงคอ หรือลงท้องเลย หากสปาปาก แล้วค่อยจิบลงคอ จะทำให้แก้เจ็บคอ ทำให้ชุ่มคอมาก แล้วจะช่วยระบายท้องด้วย
ตัวที่ 1 ของสปาปาก คือ น้ำมะยม ความเปรี้ยวที่รสชาติดี จะละลายล้างคราบอาหาร ให้ออกจากผิวฟัน และผิวเหงือก เมื่อกลั้วเสร็จแล้วคายออกมา จะเผยตัวแบคทีเรียบนผิวฟัน และผิวเหงือก แล้วก็อมตัวที่ 2 ของสปาปาก คือน้ำเปลือกทุเรียน ความฝาดที่รสชาติดีของน้ำเปลือกทุเรียนจะชะล้างตัวแบคทีเรียตัวร้ายให้หลุดจากผิวฟัน และผิวเหงือก แล้วเมื่อบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าเพื่อชะล้างน้ำยาและทุกอย่างออกจากปาก ก็จะได้ช่องปากที่สะอาดมากปราศจากแบคทีเรียตัวร้าย เป็นความสะอาดที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อนที่เคยได้จากการแปรงฟัน ความสะอาดนี้จะอยู่นาน จน 2 วันนับจากสปาปากนี้ จะไม่มีกลิ่นปากเลย หากใช้นวัตกรรมใหม่สปาปากนี้ ร่วมกับนวัตกรรมเก่าแปรงฟัน ก็จะไม่มีกลิ่นปาก น้ำลายไม่เหนียวยืด มีน้ำลายน้อยลง และไม่มีทางเกิดโรคฟัน และโรคเหงือก อีกต่อไป
คนที่สปาปากจะมีสุขภาพดี เพราะะไม่มีแบคทีเรียตัวร้ายในช่องปาก จึงไม่มีอาการเจ็บคออีกเลย เพราะไม่แบคทีเรียลงคอ และไม่มีอาการท้องร่วง เพราะไม่มีแบคทีเรียลงท้อง
ใครที่เป็นโรคช่องปาก หรือโรคฟัน และโรคเหงือก ก็สามารถซื้อ Mount Spa ไปรักษาเองที่บ้านได้ โดยไม่ต้องไปหาหมอทายา โรคเหงือกเป็นเรื่องที่หมอฟันรักษาไม่ได้ หมอฟันเพียงแต่ทายา 4-5 วันต่อครั้ง ไปเรื่อยๆเหมือนการเลี้ยงไข้ หมอฟันได้เพียงแต่ปะฟันผุได้เท่านั้น การป้องกันฟันผุ หมอฟันก็ทำไม่ได้ มีแต่ Mount Spa เท่านั้นที่รักษาโรคเหงือก และป้องกันฟันผุ และกลิ่นปาก ไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยระยะรักษาใช้วันละครั้งไป 10 วัน ต่อไปใช้ป้องกัน 2-3 วันต่อครั้ง
 |
| Streptococcus mutans - แบคทีเรียที่ทำให้เกิดการสะสมของคราบหินปูน |
แบคทีเรียตัวร้าย นี้อันตรายมาก มันจะรังควานเราทุกๆที่ที่มันอาศัยอยู่ ตอนแรกนั้นมันจะใช้น้ำตาลที่ได้จากการย่อยอาหารมาผลิตเป็นกรด ทำให้เกิดการสะสมเป็นคราบหินปูนอ่อนๆ เมื่อเจริญเติบโตจำนวนมากขึ้น มันก็จะอาละวาด กินผิวเหงือกเป็นแผล เรื้อรังต่อก็จะเป็นรำมะนาด กินฟันให้ผุจนถึงราก กินลิ้นให้เป็นฝ้า กินกะพุงแก้มให้เป็นแผล ตัวร้ายที่ซ่อนอยู่ในเหงือกก็จะเจริญเติบโตเร็วขึ้นในเหงือกทำให้เหงือกบวม ลองเปรียบเทียบกับแผลบนแขนที่ติดเชื้อแบคทีเรียตัวร้าย หากทิ้งแผลไว้นานหน่อย แบคทีเรียมันก็จะกินลึกขึ้น และขยายวงกว้างยาวขึ้น เป็นต้น เฉกเช่น หากแผลติดเชื้อ แผลจะเน่า แต่ถ้าแผลปลอดเชื้อ แผลก็จะหาย ดังนั้นแบคทีเรียตัวร้ายจึงเป็นต้นเหตุของโรคฟัน และโรคเหงือก ดังนั้นถ้าในช่องปากไม่มีแบคทีเรียตัวร้ายอยู่ โดยการสปาปาก ช่องปากก็จะแสดงอาการดีขึ้นอย่างแรกคือไม่มีกลิ่นปากตอนเช้า แล้วแผลของเหงือก แผลของฟัน แผลของกะพุงแก้ม และฝ้าที่ลิ้น ก็จะค่อยๆหายไปเอง โดยไม่ต้องทายา ทั้งน้ำลายก็ไม่เหนียว และเมื่อเกิดร้อนใน ก็จะไม่เกิดเหงือกบวมอีก
แบคทีเรียตัวร้ายมาจากอากาศเป็นหลัก เมื่อพูด หรือหายใจ ก็จะสูดเอาแบคทีเรียตัวร้ายเข้ามา แล้วมันจะอาศัยหากินอยู่ในช่องปาก ถ้าใครทำสปาปาก เพื่อดีทอกซ์แบคทีเรียตัวร้ายออกจากช่องปาก 2-3 วันต่อครั้ง ก็จะไม่มีกลิ่นปาก หรือเป็นโรคฟัน และโรคเหงือก อีกต่อไป
น้ำลายเหนียวยืด หรือน้ำลายบูด ก็เพราะน้ำลายมีแบคทีเรียตัวร้ายอยู่มาก ที่จะกินน้ำลายให้เหม็นเน่าบูด ที่มีลักษณะเหนียวหนืดยืด น้ำลายที่ออกจากต่อมน้ำลายจะมีลักษณะน้ำๆ ไม่เหนียว ดังนั้น คนที่สปาปาก ซึ่งไม่มีแบคทีเรียตัวร้ายอยู่ แต่มีแต่แบคทีเรียตัวดีอยู่ น้ำลายในปากของเขาจึงไม่เหนียวยืด ไม่บูดเน่า และไม่มีกลิ่น ทั้งจำนวนน้ำลายในปากก็น้อยลงด้วย
โรคเหงือก เช่นรำมะนาด คือเหงือกเป็นแผลรื้อรัง ซึ่งก็เริ่มจากแผลเล็กๆที่เหงือกก่อน แต่หมอฟันรักษาแผลไม่ได้ จึงเรื้อรังเป็นรำมะนาด หมอฟันได้แต่ทายา ทุก 4-5 วันเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ แล้วแนะนำให้แปรงฟันเบาๆ คิดสิว่า หากเป็นแผลที่แขน แล้วทายา แล้วก็เอาแปรงสีฟันมาแปรงบนแผลทุกๆวัน เนื้อเยื่ออ่อนๆที่กำลังสมานแผลจะไม่ขาดยุ่ยไปหมดหรือ หมอฟันจึงรักษาแผลเหงือกไม่เคยได้เลย วิธีรักษารำมะนาด คือหยุดแปรงฟันสัก 5 วัน แล้วใช้การสปาปากแทนการแปรงฟัน จะสปาปาก วันละ 1 หรือ 2 หรือ 3 ครั้งก็ได้ตามใจ เวลา 5 วัน รำมะนาดก็จะสมานแผลจนหายหมด แล้วจึงแปรงฟันทุกวัน ร่วมกับสปาปากเป็นครั้งคราว ป้องกันไม่ให้เป็นโรคเหงือกอีกเลย
แผลสดในปาก เมื่อเวลาสปาปาก ในครั้งแรก จะแสบแผลเล็กน้อย เพราะความเปรี้ยวของน้ำยาเบอร์ 1 (น้ำมะยม) แต่เมื่อ สปาปาก ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 แผลก็จะปิดลงขนาดหนึ่ง แล้วสปาปาก ครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 แผลก็จะปิดลงมากขึ้นอีกขนาดหนึ่ง แล้วสปาปาก ครั้งที่ 3 ในวันที่ 3 ก็อาจจะไม่แสบอีกเลย แปลว่าแผลหายสนิทแล้ว
ฟันผุเป็นรูจนปวดฟัน นั้นจะหายปวดด้วย การสปาปาก ทุกวัน จนกว่าไปอุดฟันผุ เพราะสปาปากจะล้างคราบอาหาร และแบคทีเรียตัวร้าย ออกจากรูผุ ทำให้ไม่มีแบคทีเรียตัวร้ายคอยกัดกินเศษอาหารแล้วปล่อยแก๊สเน่าออกมากดประสาทให้ปวด เมื่อการสปาปากทำให้ไม่มีแบคทีเรียตัวร้ายคอยปล่อยแก๊สเน่า ก็จะไม่ปวดฟันอีก หลังจากทำสปาปากไป 4-5 วัน ช่องปากจะสะอาดมากๆ ปลอดเชื้อแบคทีเรียตัวร้ายเอามากๆ จึงควรไปหาหมอฟันเพื่ออุดรูฟันผุ จะได้ไม่มีแหล่งซ่องสุมเศษอาหาร ที่จะรบกวนเรา ทั้งนี้เพราะฟันงอกไม่ได้ จึงต้องปะผุ
หินปูน และ เหงือกร่น เกิดจาก แบคทีเรียตัวร้ายตรงขอบเหงือก เจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ จากการกินอาหารที่ไหลจากผิวฟัน แล้วมันก็ถ่ายขี้ไว้บนฟันบริเวณขอบเหงือก เป็น หินปูน ซึ่งหินปูนมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับการร่นของเหงือก เหงือกร่น ไม่ใช่เพราะเหงือกหดตัวหรอก แต่เป็นเพราะเจ้าแบคทีเรียตัวร้าย ที่มันอาศัยความอบอุ่นของเหงือก แล้วก็เจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆจากการกินคราบอาหารที่ไหลลงมาจากผิวฟัน เติบโตจนกลับมากินเหงือกของเราเองจนร่นลง การสปาปากกำจัดหินปูน และเหงือกร่นได้ แต่ทั้งนี้น้ำยาของสปาปากมิได้ไปกัดเซาะหินปูน หรือจับเหงือกดึงขึ้นมาหรอก แต่สปาปากไปกำจัดตัวแบคทีเรียร้าย ที่เป็นต้นเหตุหมดไป ปัญหาหินปูน และเหงือกร่นจึงหายไปได้ ซึ่งเราจำเป็นต้องบอกเล่าอธิบายเพิ่มเติมปรากฏการณ์นี้ ท่านจึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ กล่าวคือ เมื่อแบคทีเรียร้ายถูกกำจัดไปจากขอบเหงือก ขอบเหงือกก็พร้อมจะงอกขึ้นมาเติมเต็มใหม่ได้ในเวลาที่หินปูนเก่าที่ขวางทางเติบโตของเหงือกนั้นได้หลุดไปแล้ว หินปูน คือขี้ของแบคทีเรียร้าย ที่มันเกาะฟันได้ดีเพราะมีขี้ใหม่ๆที่เป็นกาวใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน หลังจาก สปาปากแล้ว เจ้าตัวแบค ทีเรียร้ายก็ถูกชะล้างขจัดออกไป หินปูนก็ไม่มีกาวใหม่ๆมาประสานให้ สัก 3-4 วัน หินปูนก็จะแข็งกรอบ และเมื่อลิ้น หรือ กะพุงแก้มไปกระทบหินปูนกรอบเหล่านี้ มันก็จะร่วงหลุดออกไปเอง ขอบเหงือกก็จะเติบโตขึ้นมารัดฟันให้แน่นแนบได้ดังเดิม และต่อไปก็ใช้สปาปาก 2-3 วัน ต่อครั้ง ท่านก็สามารถป้องกันหินปูน และเหงือกร่น ให้ไม่เกิดกับท่านได้อีกต่อไป
อาการเสียวฟัน เป็นส่วนต่อขยายจาก หินปูนและเหงือกร่น คนเสียวฟันนั้น เหงือกจะร่นมากกว่าจนคอฟันโผล่ แล้วแบคทีเรียตัวร้ายก็เจาะกินผิวเคลือบคอฟันสึกลงถึงปลายประสาทฟัน ทำให้ปลายประสาทฟันรับรู้ความรู้สึกของความเย็นร้อนมากขึ้นเป็นอาการเสียวฟัน หากทำสปาปากไป 4-5 วันทุกวันๆละครั้งแล้ว แบคทีเรียตัวร้ายก็จะไม่มี เหงือกจะค่อยๆงอกคืบมาปิดคอฟัน อาการเสียวฟันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ จนเหงือกปิดคอฟันสนิทแล้ว อาการเสียวฟันก็จะหมดไป
สรุปวิธีการใช้เพื่อรักษา ทุกโรคฟัน และทุกโรคเหงือก จะหายได้ ภายใน 10 วัน ทำวันละครั้ง แต่ผู้รักษาโรคเหงือกต้องไม่แปรงฟัน 5-6 วัน ก็จะหาย โดยใช้การสปาปากแทนการแปรงฟัน
สรุปวิธีการใช้เพื่อป้องกัน ไม่ให้เป็นโรคฟัน และโรคเหงือกอีก โดยให้ทำสปาปาก 2-3 วันต่อครั้ง
คำแนะนำสำหรับคนที่มีลิ้นอ่อนไหว และเด็ก อายุ 5-10 ขวบ ซึ่งหลังทำสปาปากแล้ว จะมีลิ้นที่ ชามากๆ ให้เจือน้ำเข้ากับน้ำยาทั้ง 1 และ 2 ด้วยอัตราส่วน น้ำยา 2 ส่วน ต่อ น้ำ 1 ส่วน ลิ้นก็จะไม่ ชา
คำเตือน อมน้ำยาแต่ละอย่างไม่ควรนานเกิน 2 นาที อมนานเพียง 1-2 นาทีก็พอ
อาจจะไม่คุ้นกับการใช้แทนการแปรงฟันแรกๆนะครับ
ตอบลบ